ปิแอร์ลุยจิ คอร์ริน่า ออกมาแถลงแล้วทำไม ฟุตบอลโลก ครั้งนี้ มีการทดเจ็บนาน เพียงแค่ 3 เกม ก็ได้สร้างสถิติการทดเวลาบาดเจ็บที่ยาวนาน
- อังกฤษ ชนะ อิหร่าน 6-2 ครึ่งแรกมีการทดเวลาบาดเจ็บนานถึง 08 นาทีจากจังหวะชนกันเองของผู้รักษาประตูและกองหลังอิหร่าน ขณะที่ครึ่งหลังก็ทดเจ็บเพิ่มอีก 10 นาที แต่ล่วงเลยไปจนถึง 13.08 นาที
- เซเนกัล แพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2 มีการทดเวลาเจ็บครึ่งแรก 2 นาที แต่ครึ่งหลังเป็น 8 นาที และประตูขึ้นนำ 2-0 ล่วงเลยมาจนถึงนาทีที่ 03 ด้วยซ้ำ
- สหรัฐฯ เสมอ เวลส์ 1-1 ครึ่งแรกทดเจ็บ 4 นาที ส่วนครึ่งหลังเป็น 9 นาที แต่ก็ล่วงเลยจนถึงนาทีที่ 10.34 เช่นกัน
ดังนั้นเวลาเฉลี่ยต่อเกม 1 เกมใน ฟุตบอลโลก หนนี้ จะยาวนานเกิน 100 นาที ซึ่งเรื่องนี้ ปิแอร์ลุยจิ คอร์ริน่า อดีตผู้ตัดสินชื่อ ในฐานะประธานผู้ตัดสิน ฟีฟ่า ดังกล่าวเอาไว้ก่อนทัวร์นาเม้นต์นี้จะเริ่มนานแล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น
“สิ่งที่เราทำไปแล้วในรัสเซีย (2018) คือการคำนวณเวลาที่ต้องชดเชยให้แม่นยำยิ่งขึ้น”
“เราบอกทุกคนว่าอย่าแปลกใจหากพวกเขาเห็นผู้ช่วยผู้ตัดสินข้างสนาม ยกกระดานอิเล็กทรอนิกส์ที่มีตัวเลขขนาดใหญ่บนกระดาน 6 7 หรือ 8 นาที”
“ถ้าคุณต้องการเวลาแอคทีฟมากขึ้น เราต้องพร้อมที่จะเห็นเวลาที่เพิ่มขึ้นแบบนี้ ลองนึกถึงการแข่งขันที่ยิงได้ 3 ประตู โดยปกติแล้วการเฉลิมฉลองจะใช้เวลา 1 นาที 1 นาทีครึ่ง ดังนั้นหากยิงได้ 3 ประตู คุณจะเสียเวลาไป 5 หรือ 6 นาที”
“สิ่งที่เราต้องการทำคือคำนวณเวลาที่เพิ่มอย่างแม่นยำเมื่อสิ้นสุดแต่ละครึ่ง อาจเป็นเจ้าหน้าที่รายที่สี่ที่ทำเช่นนั้น เราประสบความสำเร็จในรัสเซีย และเราคาดหวังเช่นเดียวกันในกาตาร์”
“ผมไม่ได้พูดถึงกระบวนการ VAR นี่เป็นสิ่งที่แตกต่างและคำนวณโดย Video Assistant Referee ด้วยวิธีที่แม่นยำมาก”
“แม้แต่ตอนที่ผมเป็นผู้ตัดสิน ข้อมูลการทดเจ็บก็มาจากผู้ตัดสินที่ 4 คุณจดจ่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากเกินไปจนไม่สามารถพิจารณาอะไรบางอย่างได้ เป็นผู้ตัดสินคนที่ 4 ที่มักจะเสนอเวลาเพิ่มและผู้ตัดสินมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจ…และตัดสินใจ”
นี่เป็นคำอธิบายจาก คอร์ริน่า ประธานผู้ตัดสินฟีฟ่า ที่บอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ครั้งนี้มี Video Assistant Referee ช่วยคำนวณเวลาการทดเจ็บให้ เพื่อความแม่นยำ และให้เวลาในการลงเล่นแบบเต็มที่ จากกรณีการดีใจ การนอนเจ็บ ที่กินเวลาไปยาวนานนั่นเอง
