การแข่งขันพรีเมียร์ในสัปดาห์ที่ 27 มาพร้อมกับความดราม่ามากมายเมื่อแมนซิตี้จ่าฝูงถูกคำครหาว่าได้สามแต้มเพราะได้ผู้ตัดสินช่วยเหลือ ไปจนถึงเกมเสมอกันสุดจืดชืดที่โอลด์แทร็ฟฟอร์ดที่มีลุ้ยได้ประตูกันมากมายนับครั้งไม่ถ้วน
ลีดส์ยูไนเต็ด 0 : 4 ท็อตแน่มฮอตสเปอร์ส
นาทีที่ 2 เจ้าบ้านก็ลุ้นประตูจากลูกตั้งเตะฝั่งซ้ายปาสกาล สเตาท์สอดขึ้นมาโหม่งบอลพุ่งหลุดเสาไกลไปอย่างน่าหวาดเสียว นาทีที่ 9 สเปอร์สขึ้นนำบอลแทงทะลุช่องขึ้นหน้าทางซ้ายไรอัน เซสซิยงปาดบอลทแยงข้ามฝากไปทางขวาให้แม็ตต์ โดเฮอตี้สอดมายิงง่ายๆเข้าประตูไปเป็น 1-0 นาที 14 ไก่เดือยทองหนีเป็น 2-0 เดยัน คูลูเชฟสกี้ใช้ความสามารถเฉพาะตัวลากหนีผู้เล่นลีดส์ถึง 5 คนก็ยิงยัดมุมแคบเสียบตาข่าย นาที 16 ลีดส์น่าได้ประตูเมื่อโรบิน ค็อกได้ยิงเน้นในเขตโทษบอลสุดปัญญาที่ฮูโก้ โยริสจะปัดป้องได้แล้วทว่ากลับเด้งชนเสาแบบไม่มีดวง นาที 26 ปิแอร์ ฮอยเบิร์กตักบอลไปลุ้นในเขตโทษ แม้จะมีกองหลังลีดส์ตามมาประกบแต่แฮรี่ เคนที่ไวกว่าหนึ่งก้าวก็ยังเท้าซ้ายแปะบอลย้อนศรผ่านมือผู้รักษาประตูอิลล็อง เมริเย่ร์เข้าประตูไปเป็น 3-0 ท้ายครึ่งแรกเจ้าบ้านเกือบได้ประตูตีไข่แตกเมื่อราฟินญ่าตามไปเก็บบอลที่สุดเส้นฝั่งซ้ายก่อนตวัดกลับมาหน้าประตูลุค อายริ่งได้โขกเน้นๆแต่บอลโด่งเกินไปไม่เข้ากรอบ นาที 60 สเปอร์สเกือบได้เพิ่มเมื่อแฮรี่ เคนไหลทะลุช่องให้แม็ตต์ โดเฮอตี้หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงในเขตโทษติดเซฟอิลล็อง เมริเย่ร์ บอลเด้งมาเข้าทางปืนซน-ฮึง-มินได้ยิงซ้ำแต่เมริเย่ร์ก็ยังตามมาเซฟได้เป็นรอบที่สอง หลังจากนั้นฝั่งทีมยูงทองมีโอกาสยิงตีไข่แตกหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ เปิดทางให้ทีมเยือนมายิงประตูปิดกล่องแทนในนาที 84 จางจังหวะที่กำลังตั้งรับแฮรี่ เคนโชว์สายตาการอ่านเกมที่ดีเมื่อเค้าวางบอลยาวให้ซน-ฮึง-มินหลุดไปยิงหนีมือเมริเย่ร์เข้าไปซุกตาข่ายได้สำเร็จ จบเกมสเปอร์สจึงบุกมาชนะลีดส์ไปแบบขาดลอย 4-0
เอฟเวอร์ตัน 0 : 1 แมนเชสเตอร์ซิตี้
นาที 28 เควิน เด บรอยด์ได้บอลที่กลางสนามก่อนจะลากขึ้นมาได้ซัดเต็มข้อแต่บอลไปตรงตัวจอร์แดน พิคฟอร์ด หลังครบครึ่งชั่วโมงเอฟเวอร์ตันได้เสียวบ้างอัลลันพาบอลมาเองที่หน้าเขตโทษก่อนไหลต่อให้จอนโจ้ เคนนี่หลุดไปยิงแต่ด้วยความที่มุมยิงเหลือน้อยแบ็คซ้ายท็อฟฟี่จึงยิงเข้าข้างหน้าต่างเท่านั้น นาที 33 เจ้าบ้านน่าได้ประตูสุดๆเมื่อเกมรับซิตี้พลาดไปปล่อยบอลตกหน้าเขตโทษอเล็ก อิโวบี้พยายามเก็บบอลมาเล่นแม้จะทำได้ไม่ถนัดเพราะติดขัดกับกองหลังทีมเยือนแต่กลับกลายเป็นว่าบอลไปเข้าทางริชาร์ริสันได้ยิงโล่งแต่บอลก็ไปตรงตัวแอร์เดอซอนเช่นกัน ท้ายครึ่งแรกเอฟเวอร์ตันได้ลูกฟรีคิ๊ก 30 หลาแอนโธนี่ กอดอนปั่นด้วยขวาบอลผ่านมือผู้รักษาประตูแอร์เดอซอนไปแล้วแต่ก็หลุดกรอบไปอย่างน่าหวาดเสียว นาที 55 ซิตี้ได้เสียวบอลบุกขึ้นทางซ้ายก่อนจะมาเข้าทางเจา กานเซโล่ที่ดึงจังหวะหลอกผู้เล่นเอฟเวอร์ตันหนึ่งทีแล้วยิงยัดมุมแคบแต่ก็ยังไม่ผ่านมือจอร์แดน พิคฟอร์ด นาที 64 จอร์แดน พิคฟอร์ดต้องออกแรงเซฟอีกครั้งเมื่อจอห์น สโตนเติมขึ้นยิงหน้าเขตโทษแบบเต็มเท้า ในที่สุดกำแพงเกมรับของเจ้าบ้านก็มาแตกพ่ายในนาที 80 บอลบุกทางซ้ายแบร์นาโด้ ซิลวาพยายามจ่ายบอลเข้าแต่ด้วยความที่บอลไปแฉลบกองหลังเอฟเวอร์ตันทำให้ไมเคิล คีนที่ยืนคุมพื้นที่หน้าเขตโทษเสียจังหวะเปิดทางให้ฟิล โฟเด้นที่จมูกไวกว่าสลัดหนีไปแปง่ายๆเข้าประตูไปเป็น 1-0 ทว่าท้ายเกมก็มีดราม่าเล็กน้อยเมื่อโรดรีนักเตะซิตี้ไปใช้ท่อนแขนแต่งบอลอย่างชัดเจนหน้าเขตโทษตัวเอง โดยที่วีเออาร์ที่ให้เวลาพิจารณาอยู่นานกลับบอกว่าไม่เป็นแฮนบอลและเอฟเวอร์ตันก็ไม่ได้จุดโทษ หมดเวลาการแข่งขันจ่าฝูงแมนซิตี้จึงเอาชนะเอฟเวอร์ตันไป 1-0 ท่ามกลางคำครหาของบรรดาแฟนบอลท็อฟฟี่
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 0 : 0 วัตฟอร์ด
นาทีที่ 4 แมนยูฯน่าจะได้ประตูเมื่ออารอน วาน บิสซาก้าเปิดบอลมาหน้าประตูคริสเตียโน่ โรนัลโด้เก็บบอลได้ก่อนตวัดยิงแต่บอลชนเสาไปแบบไม่มีโชค นาที 11 ผีแดงชวดได้ประตูแบบน่าเขกกะโหลกเมื่อแอนโธนี่ อีลังก้าทำชิ่ง 1-2 กับโรนัลโด้ที่หน้าเขตโทษก่อนจ่ายไปที่ว่างให้บรูโนหลุดเดี่ยวเข้ายิงแบบไม่มีตัวประกบ ทว่ากองกลางชาวโปรตุเกสกลับยิงไปติดเซฟเบน ฟอสเตอร์แบบหน้าตาเฉย นาที 14 อเล็ก เตเลซเปิดเร็วจากฝั่งซ้ายให้คริสเตียโน่ โรนัลโด้ยิงบอลเข้าไปจมก้นตาข่ายทว่าจังหวะนี้ผู้ตัดสินก็เป่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไปเสียอีก นาที 18 ปอล ป็อกบาผ่านบอลไปถึงบรูโน่ที่หน้าปากประตูแบบโล่งๆแต่รอบนี้บรูโน่ก็จิ้มบอลหลุดกรอบไปอย่างน่าผิดหวัง นาที 26 เกมรับวัตฟอร์ดพลาดให้แล้วเมื่อโรนัลโด้แตะบอลหนีผู้รักประตูวัตฟอร์ดที่ออกมาตัดบอลไปได้แล้ว แต่ด้วยความที่มุมยิงเองไม่มีโรนัลโด้จึงเลือกเปิดบอลกลับไปลุ้นเสาไกลทว่าบรูโน่ก็ยังทำพลาดเหมือนเดิมด้วยการขึ้นโหม่งหลุดกรอบ ครึ่งหลังเล่นมาได้ 3 นาทีเนมานย่า มาติชวางบอลยาวไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนที่ป็อกบาจะเติมขึ้นมาตวัดยิงย้อนศรแต่บอลก็ไม่เข้ากรอบ นาที 51 ทีมเยือนเพิ่งจะได้ลุ้นเป็นครั้งแรกเมื่อโจชัว คิงส์เก็บบอลได้ทางซ้ายก่อนไหลมาหน้าประตูให้เอ็มมานูเอล เดนนิสได้ยิงแต่บอลก็ไปตรงตัวดาบิด เด เคอา นาที 60 บรูโนใช้ความสามารถเฉพาะตัวลากหนีคู่แข่งที่สุดเส้นฝั่งซ้ายก่อนปาดกลับมาหน้าปากประตูให้โรนัลโด้ได้ยิงเน้นๆแต่บอลก็ยังติดบล็อกกองหลังวัตฟอร์ด เหมือนจะไม่ใช่วันที่เป็นใจให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดนาที 66 แมนยูเปิดบอลโด่งเปิดมาลุ้นหน้าเขตโทษปอล ป็อกบาพยายามขึ้นโหม่งทำประตูแต่บอลที่ไปแฉลบกองหลังวัตฟอร์ดก็ทำให้เบน ฟอสเตอร์ผวารับเข้าซองไว้ได้ ช่วงเวลาที่เหลือปีศาจแดงยังได้ลุ้นอีกหลายครั้งแต่ก็เจาะไม่เข้า หมดเวลาการแข่งขันแมนยูฯจึงเสมอวัตฟอร์ดไปแบบโนสกอร์ 0-0
